ประโยชน์ของการตรวจเอชไอวีมีอะไรบ้าง
ประโยชน์ของการตรวจเอชไอวี HIV หรือเอชไอวี เป็นเชื้อไวรัสที่ส่งต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น หรือการส่งต่อเชื้อจากแม่สู่ลูก (ทั้งนี้ การส่งต่อเชื้อจากแม่สู่ลูกในปัจจุบันมีอัตราที่ลดต่ำลงอย่างมีนัยยะสำคัญตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557) หากรับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลงจากการที่เชื้อเข้าไปทำลายภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ถ้าไม่ได้รับการตรวจและรักษาโดยเร็วอาจจะทำให้เชื้อลามไปสู่ระยะที่เรียกว่า ‘โรคเอดส์’ ซึ่งยากต่อการรักษาได้ การเข้ารับการตรวจเอชไอวีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อผู้มีความเสี่ยงทุกคน

ตรวจเอชไอวีดีอย่างไร
การตรวจเอชไอวีส่งผลดีต่อผู้เข้ารับการตรวจในหลายแง่มุม ดังต่อไปนี้
รู้สถานะของตัวเอง
การตรวจเอชไอวีจะทำให้ทราบสถานะการติดเชื้อของตัวเองว่าเป็นอย่างไร มีส่วนช่วยในการวางแผนใช้ชีวิตที่สอดคล้องต่อสถานะของตัวเองต่อไป
คลายความกังวลว่าตัวเองจะติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่
สำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านความเสี่ยงที่จะติดเชื้อเอชไอวีมามักมีความกังวลถึงสถานะการติดเชื้อของตัวเอง การตรวจเอชไอวีเป็นวิธีที่มีความชัดเจนและแม่นยำที่ช่วยให้เราทราบสถานะของตัวเอง นอกจากนี้ยังช่วยคลายความสงสัยและความกังวลในผู้ที่มีผลลัพธ์เป็นลบ
ถ้าผลเลือดเป็นลบ สามารถวางแผนเพื่อรักษาสถานะต่อไป
ผลเลือดแสดงผลเป็นลบ นั่นหมายถึง ผู้เข้ารับการตรวจอยู่ในสถานะไม่ติดเชื้อหรือปลอดเชื้อ หลังได้ทราบผลลัพธ์แล้ว ผู้เข้ารับการตรวจสามารถปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการป้องกันตัวเองเพื่อรักษาสถานะไม่ติดเชื้อต่อไปได้
ถ้าผลเลือดเป็นบวก สามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที
ผลเลือดเป็นบวกเท่ากับว่าผู้เข้ารับการตรวจมีเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายเรียบร้อยแล้ว โดยปกติแพทย์จะนำเข้าสู่กระบวนการรักษาทันที ผู้ติดเชื้อจะได้สามารถวางแผนการรักษา ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองให้มีสุขภาพแข็งแรง การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี รวมไปถึงวิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสในร่างกาย
ในบางครั้ง ผู้ที่ได้รับเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายอาจไม่มีการแสดงอาการอะไรออกมาจนกว่าจะเข้าสู่ระยะโรคเอดส์เต็มขั้น ยิ่งรู้ผลเร็ว ยิ่งรักษาเร็ว จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ อันไม่พึงประสงค์ และช่วยยืดอายุขัยได้เทียบเท่ากับคนปกติ การตรวจเอชไอวีสำหรับผู้ที่มีผลเลือดบวกจึงถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก
ผู้ติดเชื้อที่ต้องการมีลูก สามารถวางแผนการมีลูกโดยไม่ส่งต่อเชื้อได้
ผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์แล้วเพิ่งทราบจากการตรวจว่าตัวเองมีเชื้อเอชไอวี สามารถวางแผนการตั้งครรภ์ร่วมกับแพทย์เพื่อไม่ส่งต่อเชื้อไปสู่ลูกในครรภ์ได้ โดยปัจจุบันได้ใช้วิธีการกินยาต้านไวรัสเพื่อกดเชื้อไวรัสที่อยู่ในร่างกายให้ลดต่ำลงจนอยู่ในปริมาณที่ไม่สามารถตรวจพบได้ (Undetectable) ส่งผลให้ไม่สามารถแพร่เชื้อต่อได้นั่นเอง (Untransmissable)
มีความเข้าใจเกี่ยวกับเอชไอวี เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
นอกจากการตรวจเอฃไอวีจะช่วยให้คุณทราบถึงสถานะของตัวเองแล้ว คุณจะได้ความรู้เกี่ยวกับเอชไอวี เอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ จากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ ส่งเสริมการตระหนักรู้และการป้องกันตัวเองทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
ใครบ้างที่ควรตรวจเอชไอวี
ลองสำรวจตัวเองดูว่า คุณอยู่ในกลุ่มต่อไปนี้หรือไม่
- มีคู่นอนมากกว่า 1 คน หรือเปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ชายกับชายมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ป้องกัน (ไม่สวมถุงยางอนามัย ไม่กิน PreP ฯลฯ)
- มีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่สงสัยว่าเขามีพฤติกรรมเสี่ยง
- มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่เสพสารเสพติดโดยใช้เข็มฉีดยา
- คู่ที่วางแผนจะใช้ชีวิตร่วมกันฉันท์สามีภรรยา
- ผู้วางแผนจะตั้งครรภ์
หากคุณอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ควรอย่างยิ่งที่จะเข้ารับการตรวจเอชไอวีเพื่อที่จะได้ทราบสถานะของตัวเอง และสามารถวางแผนการใช้ชีวิตต่อไปได้

เสี่ยงมาแล้ว ต้องรอนานแค่ไหนถึงควรจะไปตรวจเอชไอวี
ขึ้นอยู่กับวิธีการตรวจ แต่โดยปกติแล้ว การตรวจเอชไอวีจะเป็นการตรวจหาแอนตี้บอดี้ หรือภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเชื้อ ซึ่งจะใช้เวลาในการสร้างหลังรับเชื้อมาแล้วประมาณ 4 สัปดาห์ขึ้นไป ทั้งนี้บางวิธีการตรวจเอชไอวีอาจใช้เวลาน้อยหรือมากกว่านี้ในการตรวจหาเชื้อ (เช่น NAT ที่สามารถตรวจได้หลังเสี่ยงมาแล้ว 5-7 วัน) ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการตรวจทุกครั้ง
ตรวจเอชไอวีเป็นความลับไหม?
เป็นความลับแน่นอน ไม่ว่าจะเข้ารับการตรวจเอชไอวีแบบฟรีตามสถานพยาบาลของรัฐหรือเสียค่าใช้จ่ายกับสถานพยาบาลเอกชน ผลของผู้เข้ารับการตรวจจะเป็นความลับ โดยจะมีผู้ทราบผลเพียงแค่ผู้เข้ารับการตรวจ แพทย์และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
กิน PrEP แล้วยังต้องไปตรวจเอชไอวีไหม
สำหรับคนที่กิน PrEP จะต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวี โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ รวมไปถึงการทำงานของตับและไตทุก 3 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายไม่มีเชื้อเอชไอวี ปลอดโรค และร่างกายยังตอบสนองต่อยาได้ดี และปกติแล้วก่อนการรับ PrEP หรือยาเพร็พทุกครั้งจะต้องตรวจเพื่อหาว่ามีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกายอยู่ก่อนหรือไม่ เมื่อตรวจไม่พบเชื้อจึงจะสามารถรับยาได้
นอกจากทำให้รู้ถึงสถานะของตัวเอง เกิดความสบายใจ ทำให้ทราบแนวทางในการวางแผนดำเนินชีวิตต่อไปในสถานะที่ตนเองเป็นอยู่ ก็ได้รับความรู้และเข้าใจถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย การตรวจเอชไอวีจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีในการดูแลตัวเอง และการป้องกันเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ที่มีประโยชน์อย่างมากเลยทีเดียว